โตริโน่: เสน่ห์แห่งปิเยมอนเตที่ต้องมนต์
- โตริโน่: ประตูสู่ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และเสน่ห์แห่งอิตาลี
- ย้อนรอยอดีต: จากอาณาจักรโรมัน สู่เมืองหลวงแห่งแรกของอิตาลี
- มนต์เสน่ห์แห่งสถาปัตยกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด
- วัฒนธรรมและวิถีชีวิต: มากกว่ากาแฟและช็อกโกแลต
- โตริโน่: ศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์และนวัตกรรม
- เรื่องราวของสโมสรฟุตบอล: Torino FC และ Derby Della Mole
- ลิ้มรสโตริโน่: สวรรค์ของนักชิม
- การผจญภัยรอบๆ โตริโน่: ธรรมชาติและกิจกรรมกลางแจ้ง
- โตริโน่: เมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความน่าค้นหา
โตริโน่ เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี และเป็นเมืองหลวงของแคว้นปิเยมอนเต ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัฒนธรรมที่หลากหลาย และสถาปัตยกรรมที่งดงาม โตริโน่จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสแก่นแท้ของอิตาลีเหนือ ในฐานะคนที่เคยเดินทางไปเยือนเมืองนี้ ผมบอกได้เลยว่า โตริโน่มีอะไรมากกว่าแค่ชื่อเสียงในฐานะเมืองแห่งรถยนต์และฟุตบอล
เมืองโตริโน่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ก่อนสมัยคริสตศักราช เคยอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโรมันโบราณ ก่อนจะกลายเป็นที่พำนักหลักของราชวงศ์ซาวอยในศตวรรษที่ 16 ราชวงศ์นี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเมือง โดยกษัตริย์ Charles Emanuel I ได้ทำการปฏิรูปเมือง สร้างถนน ปราสาท และที่ทำการราชการมากมายที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน และที่สำคัญ โตริโน่ เคยเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของประเทศอิตาลี ระหว่างปี ค.ศ. 1861-1864 หลังจากการรวมชาติสำเร็จ . การได้เดินสำรวจย่านเมืองเก่า ทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุคที่ราชวงศ์ซาวอยยังคงยิ่งใหญ่
โตริโน่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและน่าสนใจ สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบบาโรกและคลาสสิก ทำให้เมืองนี้มีบรรยากาศที่โอ่อ่าและสง่างาม . สถานที่ที่ไม่ควรพลาดคือ โมเล อันโทเนลลีอาน่า (Mole Antonelliana) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองตูริน . ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์แห่งชาติ (National Museum of Cinema) ที่น่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์อียิปต์ (Museo Egizio) ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์อียิปต์ที่สำคัญที่สุดนอกประเทศอียิปต์ . พระราชวังหลวงแห่งตูริน (Royal Palace of Turin) และพระราชวังมาดามา (Palazzo Madama) ก็เป็นอีกสองสถานที่ที่แสดงถึงความมั่งคั่งและอำนาจของราชวงศ์ซาวอยในอดีต . การเดินเล่นใน Piazza Castello หรือ Piazza San Carlo ที่มีอาคารเก่าแก่สวยงามและร้านค้าใต้อาเขต (Porticoes) ก็เป็นประสบการณ์ที่เพลิดเพลิน .
This image is a fictional image generated by GlobalTrendHub.
วัฒนธรรมของโตริโน่มีความผสมผสานระหว่างความเป็นอิตาเลียนและความสง่างามแบบฝรั่งเศส จนบางครั้งถูกเรียกว่า “ปารีสน้อย” . ผู้คนในโตริโน่ทำงานหนัก แต่ก็รู้จักผ่อนคลายและดื่มด่ำกับชีวิต โดยเฉพาะการเพลิดเพลินกับ aperitivi หรือ apericena ซึ่งเป็นการรวมเครื่องดื่มและอาหารเรียกน้ำย่อยเข้าไว้ด้วยกัน . โตริโน่ยังมีชื่อเสียงด้านกาแฟและช็อกโกแลต โดยเฉพาะ Bicerin ซึ่งเป็นเครื่องดื่มร้อนๆ ที่ผสมผสานระหว่างกาแฟ ช็อกโกแลต และครีม เป็นสิ่งที่ต้องลองเมื่อมาเยือนเมืองนี้ นอกจากนี้ โตริโน่ยังเป็นเมืองที่มีจิตวิญญาณที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับคนหนุ่มสาว มีแหล่งรวมตัวและกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายจนได้รับรางวัลเมืองหลวงแห่งเยาวชนของโลก (Youth capital of the world) ในช่วงหนึ่ง .
นอกเหนือจากความงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โตริโน่ยังเป็นศูนย์กลางทางอุตสาหกรรมที่สำคัญ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ . ที่นี่เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตรถยนต์ FIAT ซึ่งชื่อเต็มมาจาก Fabbrica Italiana Automobili Torino . อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจเมืองมาอย่างยาวนาน และยังคงมีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน นอกจากนี้ โตริโน่ยังเป็นแหล่งกำเนิดของการเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมและการเมืองหลายอย่างในอิตาลี .
สำหรับคอฟุตบอล โตริโน่เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะที่ตั้งของสองสโมสรฟุตบอลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นคู่ปรับตลอดกาล คือ ยูเวนตุส และ โตริโน่ เอฟซี (Torino F.C.) . การแข่งขันระหว่างสองทีมนี้เรียกว่า “ตูรินดาร์บี้” หรือ “Derby Della Mole” ซึ่งเป็นการปะทะกันที่เต็มไปด้วยความดุเดือดและศักดิ์ศรี . โตริโน่ เอฟซี ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1906 และเคยเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่มากในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1940 โดยเฉพาะทีมชุด “Il Grande Torino” ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ก็ต้องพบกับโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกในปี ค.ศ. 1949 ซึ่งทำให้นักเตะเสียชีวิตเกือบทั้งทีม . แม้เหตุการณ์นี้จะทำให้ความยิ่งใหญ่ของสโมสรลดลง แต่ “กระทิงหิน” (Il Toro) ก็ยังคงมีฐานแฟนบอลที่เหนียวแน่น โดยเฉพาะในหมู่ชาวเมืองตูรินเอง .
This image is a fictional image generated by GlobalTrendHub.
การมาเยือนโตริโน่จะไม่สมบูรณ์ถ้าไม่ได้ลิ้มลองอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์ แคว้นปิเยมอนเตมีชื่อเสียงด้านอาหาร และโตริโน่ก็เป็นศูนย์กลางสำคัญ . นอกเหนือจาก Bicerin ที่กล่าวไปแล้ว อาหารท้องถิ่นที่น่าสนใจยังมีอีกมากมาย เช่น Agnolotti (พาสต้าไส้เนื้อ) และ Brasato al Barolo (เนื้อตุ๋นไวน์ Barolo). นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงด้านช็อกโกแลต โดยมีโรงงานและร้านช็อกโกแลตเก่าแก่มากมาย การได้เดินเข้าร้านช็อกโกแลตในโตริโน่ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่งความหวานจริงๆ .
การสำรวจเมืองโตริโน่เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะรอบๆ เมืองยังมีธรรมชาติที่สวยงามและกิจกรรมที่น่าสนใจให้ทำมากมาย . ด้วยความที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเทือกเขาแอลป์ ทำให้สามารถเดินทางไปสัมผัสอากาศบริสุทธิ์และวิวทิวทัศน์ที่งดงามได้อย่างง่ายดาย . ในช่วงฤดูหนาว เมืองตูรินยังเคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 2006 ด้วย . การเดินทางจากเมืองใหญ่อย่างมิลานมายังเมืองตูรินก็สะดวกสบาย โดยใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟเพียงประมาณ 50 นาทีถึง 1 ชั่วโมง 50 นาที ขึ้นอยู่กับประเภทของรถไฟ .
โดยสรุปแล้ว โตริโน่ เป็นเมืองที่มีความน่าสนใจในหลายมิติ ทั้งในด้านประวัติศาสตร์อันยาวนาน สถาปัตยกรรมที่งดงาม วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ อุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง และความคลั่งไคล้ในกีฬาฟุตบอล . จากประสบการณ์ส่วนตัว การได้ใช้เวลาเดินสำรวจเมือง สัมผัสกับบรรยากาศ และลิ้มลองอาหารท้องถิ่น ทำให้ผมเข้าใจถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี โตริโน่ไม่ใช่แค่เมืองทางผ่าน แต่เป็นเมืองที่ควรค่าแก่การหยุดพักและค้นพบเรื่องราวที่น่าประทับใจ .