หักเงิน กยศ. ทุกเรื่องที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการชำระหนี้

หักเงิน กยศ. ทุกเรื่องที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการชำระหนี้

  1. หักเงิน กยศ. คืออะไรและทำไมถึงสำคัญ
  2. กลไกการหักเงิน กยศ. ผ่านนายจ้าง
  3. วิธีการตรวจสอบยอดหนี้ กยศ.
  4. การวางแผนชำระหนี้ กยศ. อย่างมีประสิทธิภาพ
  5. รับมือกับปัญหาการหักเงิน กยศ.
  6. หักเงิน กยศ. การส่งต่อโอกาสทางการศึกษา

หักเงิน กยศ. คือ กระบวนการสำคัญที่เชื่อมโยงผู้กู้ยืม กยศ. เข้ากับกองทุนเพื่อให้เกิดการชำระหนี้คืนอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนกองทุนให้สามารถดำเนินงานต่อไปและส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้กับรุ่นน้องได้ ในฐานะคนที่ติดตามเรื่องนี้มาพอสมควร ผมเห็นว่าหลายคนยังคงมีคำถามและข้อสงสัยเกี่ยวกับการหักเงิน กยศ. อยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นวิธีการ สถานะของผู้ถูกหัก หรือแม้กระทั่งปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ บทความนี้จึงอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจเรื่อง หักเงิน กยศ. กันให้ลึกซึ้ง เพื่อที่เราจะได้บริหารจัดการหนี้สินของเราได้อย่างถูกต้องและสบายใจ

กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนทางการเงินแก่นักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาในระดับต่างๆ ตั้งแต่ ม.ปลาย อาชีวศึกษา ไปจนถึงปริญญาตรีและปริญญาโท เงินทุนที่ กยศ. ใช้ในการปล่อยกู้ส่วนหนึ่งมาจากงบประมาณแผ่นดิน แต่อีกส่วนที่สำคัญมากๆ คือเงินที่ได้รับชำระคืนจากผู้กู้รุ่นพี่ นั่นหมายความว่า การที่เราชำระหนี้คืน ไม่ใช่แค่การทำตามข้อผูกพัน แต่ยังเป็นการส่งต่อโอกาสให้รุ่นน้องได้มีทุนเรียนต่อด้วย

กลไกการหักเงิน กยศ. ผ่านนายจ้าง

หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าเดี๋ยวนี้ กยศ. มีระบบ หักเงินเดือน กยศ. ผ่านนายจ้างแล้ว ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นครับ ตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566 กำหนดให้นายจ้างทั้งภาครัฐและเอกชนที่จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) (เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง) มีหน้าที่หักเงินได้ของลูกจ้างที่เป็นผู้กู้ยืม กยศ. เพื่อชำระหนี้คืนกองทุนตามจำนวนที่ กยศ. แจ้งไป แล้วนำส่งกรมสรรพากรพร้อมกับการนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย กรมสรรพากรก็จะส่งต่อเงินจำนวนนั้นให้ กยศ. ต่อไป

ระบบนี้ถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาลูกหนี้ที่เรียนจบแล้วแต่ไม่ยอมชำระหนี้ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน การหักเงินเดือนทำให้การชำระหนี้มีความแน่นอนมากขึ้น และลดภาระของผู้กู้ที่ต้องไปติดต่อชำระเงินด้วยตัวเองที่ธนาคาร ส่วนนายจ้างเองก็มีหน้าที่ตามกฎหมายในการหักเงินและนำส่ง และไม่สามารถปฏิเสธการหักเงินเดือนพนักงานได้หากได้รับแจ้งจาก กยศ. อย่างเป็นทางการ

วิธีการคำนวณยอดหักเงินเดือนนั้นขึ้นอยู่กับข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ หรือคำพิพากษาของศาลสำหรับผู้ที่เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว โดยปกติแล้ว กยศ. จะแจ้งยอดที่ต้องหักรายเดือนต่อนายจ้าง สำหรับผู้กู้ยืมที่มีงวดชำระเป็นรายปี กองทุนจะนำยอดหนี้รายปีมาเฉลี่ยเป็นรายเดือนเพื่อให้ง่ายต่อการหักผ่านเงินเดือน

Illustration of a person receiving a payslip with a deduction for student loan payment, symbolizing the process of salary deduction for GSLF debt repayment.
This image is a fictional image generated by GlobalTrendHub.

การเปลี่ยนแปลงล่าสุดเกี่ยวกับการหักเงิน

เมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวและข้อสงสัยเกี่ยวกับการที่ กยศ. แจ้งให้นายจ้างหักเงินเดือนลูกหนี้เพิ่มอีก 3,000 บาทต่อเดือน กยศ. ได้ชี้แจงว่า การหักเงินเพิ่มจำนวน 3,000 บาทนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป และจะใช้เฉพาะกับผู้กู้ยืมที่มีสถานะ “ค้างชำระหนี้” เท่านั้น โดยไม่รวมผู้ที่ได้ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับ กยศ. แล้ว การดำเนินการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการติดตามหนี้เพื่อให้ผู้กู้ยืมชำระยอดค้างชำระที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากผู้กู้ยืมไม่สามารถถูกหักเงินเดือนตามจำนวนที่ กยศ. แจ้งได้ ก็สามารถติดต่อเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ได้

วิธีการตรวจสอบยอดหนี้ กยศ.

การทราบยอดหนี้ที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในการบริหารจัดการหนี้ กยศ. ซึ่งเราสามารถตรวจสอบยอดหนี้ได้หลายช่องทางครับ

  • แอปพลิเคชัน กยศ. Connect: นี่เป็นช่องทางที่สะดวกและนิยมใช้มากที่สุด สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และ Android และลงทะเบียนเข้าใช้งานเพื่อตรวจสอบข้อมูลหนี้ของตัวเองได้ รวมถึงดูยอดหนี้ที่คำนวณใหม่หลังจาก พ.ร.บ. กยศ. ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้
  • เว็บไซต์กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา: สามารถเข้าเว็บไซต์ www.studentloan.or.th เพื่อตรวจสอบยอดหนี้ได้เช่นกัน โดยเลือกเมนู “ตรวจสอบคำนวณยอดหนี้ใหม่” และกรอกข้อมูลตามบัตรประชาชน
  • แอปพลิเคชัน ทางรัฐ: เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เพิ่มความสะดวกในการตรวจสอบยอดเงินกู้ยืมคงเหลือของ กยศ. ได้
  • เครื่อง ATM/ADM ของธนาคารกรุงไทย: สามารถใช้บัตร ATM ของกรุงไทยตรวจสอบยอดหนี้ กยศ./กรอ. ปี 2555 ได้ โดยต้องใช้หมายเลขบัตรประชาชนและเลขที่บัญชีเงินกู้

หลังจากชำระเงินแล้ว หากชำระผ่านช่องทางออนไลน์ ยอดหนี้จะปรับปรุงในระบบภายใน 1 วันทำการถัดไป แต่ถ้าชำระผ่านช่องทางอื่นๆ อาจใช้เวลา 2-5 วันทำการ

การวางแผนชำระหนี้ กยศ. อย่างมีประสิทธิภาพ

การวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้เราสามารถชำระหนี้ กยศ. ได้อย่างราบรื่นและหมดหนี้เร็วขึ้นด้วย ผมคิดว่าการทำความเข้าใจเงื่อนไขการชำระหนี้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก กยศ. มีระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปีหลังเรียนจบ และเริ่มชำระหนี้ในปีที่ 3 โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 15 ปี

สิ่งที่เราควรทำในการวางแผนชำระหนี้มีดังนี้:

  • เช็คยอดเงินที่ต้องชำระ: ตรวจสอบยอดที่ต้องชำระรายเดือน/รายปีผ่านช่องทางต่างๆ ที่กล่าวไปข้างต้น
  • เลือกวิธีการชำระ: พิจารณาว่าจะชำระแบบรายเดือนหรือรายปีตามความเหมาะสมของการบริหารเงินของเรา การชำระรายเดือนสะดวกแต่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน ส่วนรายปีไม่มีค่าธรรมเนียมแต่ต้องเตรียมเงินก้อนใหญ่
  • จัดสรรรายได้: แยกเงินส่วนที่ต้องจ่ายหนี้ กยศ. ออกมาในแต่ละงวด การมีวินัยเป็นสิ่งสำคัญมากตรงจุดนี้
  • ชำระเกินกำหนด: หากมีกำลังทรัพย์ การชำระเงินเกินกว่ายอดที่เรียกเก็บในแต่ละงวดจะช่วยลดเงินต้นได้เร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ดอกเบี้ยและระยะเวลาในการชำระหนี้ลดลงด้วย

ตาม พ.ร.บ. กยศ. ฉบับแก้ไขใหม่ มีการปรับลำดับการตัดชำระหนี้ให้เป็นคุณแก่ผู้กู้มากขึ้น โดยจะหักจากเงินต้นส่วนที่ครบกำหนดก่อน ตามด้วยดอกเบี้ย และเบี้ยปรับเป็นลำดับสุดท้าย การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้เงินต้นลดลงได้เร็วขึ้น

Infographic visualizing different methods of checking GSLF debt balance, such as mobile app, website, and ATM, with clear icons for each method.
This image is a fictional image generated by GlobalTrendHub.

การปรับโครงสร้างหนี้

สำหรับผู้กู้ยืมที่มีปัญหาในการชำระหนี้ ไม่ต้องกังวลใจไปครับ กยศ. มีมาตรการช่วยเหลือ เช่น การขอผ่อนผันหนี้ หรือการขอปรับโครงสร้างหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้สามารถช่วยขยายระยะเวลาการชำระหนี้ได้ และตาม พ.ร.บ. กยศ. ฉบับใหม่ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ การลดหย่อนหนี้ หรือการแปลงหนี้ใหม่ เพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืม ไม่ว่าจะอยู่ในระหว่างการดำเนินคดี หรือมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วก็ตาม

ผู้กู้ยืมที่สนใจปรับโครงสร้างหนี้สามารถติดต่อ กยศ. ได้โดยตรง หรือลงทะเบียนขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาทผ่านแอปพลิเคชัน กยศ. ได้ ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้จะใช้ยอดหนี้ที่คำนวณใหม่ตาม พ.ร.บ. ฉบับล่าสุด และอาจช่วยปลดภาระผู้ค้ำประกันได้ด้วย

รับมือกับปัญหาการหักเงิน กยศ.

แม้ว่าระบบการหักเงินเดือนผ่านนายจ้างจะมีข้อดี แต่บางครั้งก็อาจเกิดปัญหาขึ้นได้ เช่น ยอดที่หักไม่ตรงกับที่ควรจะเป็น หรือถูกหักเงินทั้งที่ไม่มีหนี้ค้าง

หากพบปัญหาเกี่ยวกับการหักเงิน กยศ. ผ่านนายจ้าง สิ่งแรกที่ควรทำคือ ติดต่อกองทุน กยศ. โดยตรง สามารถติดต่อได้หลายช่องทาง เช่น

  • สายด่วน กยศ.
  • แอปพลิเคชัน กยศ. Connect
  • เว็บไซต์ www.studentloan.or.th
  • ช่องทางติดต่ออื่นๆ ที่ กยศ. จัดหาให้

หากมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการหักเงินเดือน นายจ้างจะแนะนำให้พนักงานติดต่อ กยศ. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงรายละเอียด ผู้กู้ยืมสามารถยื่นคำขอปรับเพิ่ม/ลด จำนวนเงินที่หักชำระผ่านนายจ้างได้ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน กยศ. Connect

ในกรณีที่ถูกหักเงินเพิ่ม 3,000 บาทสำหรับผู้ที่ค้างชำระ หากไม่สามารถให้หักตามจำนวนที่แจ้งได้ ควรติดต่อขอทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพราะการไม่ชำระหนี้หรือผิดนัดชำระหนี้อาจทำให้เกิดภาระดอกเบี้ยและเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น และอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายได้

หักเงิน กยศ. การส่งต่อโอกาสทางการศึกษา

โดยสรุปแล้ว หักเงิน กยศ. เป็นส่วนสำคัญของกระบวนการชำระหนี้ที่ช่วยให้กองทุน กยศ. สามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างยั่งยืน ผมในฐานะผู้ที่เคยได้รับโอกาสทางการศึกษาจาก กยศ. อยากจะเน้นย้ำว่า การชำระหนี้คืนไม่เพียงแต่เป็นการปฏิบัติตามพันธะสัญญา แต่ยังเป็นการช่วยเหลือรุ่นน้องให้ได้มีโอกาสเช่นเดียวกับที่เราเคยได้รับ การทำความเข้าใจกลไกการหักเงิน การตรวจสอบยอดหนี้อย่างสม่ำเสมอ และการวางแผนการชำระหนี้ที่ดี รวมถึงการติดต่อ กยศ. หากมีปัญหา จะช่วยให้การบริหารจัดการหนี้ กยศ. ของเราเป็นไปอย่างราบรื่นและไร้กังวล การ หักเงิน กยศ. จึงไม่ใช่แค่เรื่องการเงินส่วนบุคคล แต่เป็นการร่วมกันสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับสังคมไทยต่อไปครับ

Leave a Comment